อารัม เชื่อ ชาเคอร์ สตีเวนสัน มีดีพอจะเป็นซูเปอร์สตาร์

 

บ็อบ อารัม ซีอีโอของ ท็อปแรงค์ เชื่อว่า ชาเคอร์ สตีเวนสัน แชมป์โลก WBO รุ่นเฟเธอร์เวตคนปัจจุบันจะมีอนาคตที่ยิ่งใหญ่ในวงการมวยสากล

ชาเคอร์ สตีเวนสัน เป็นเจ้าของเหรียญเงินมวยสาลกสมัครเล่นรุ่นแบนตั้มเวตในการแข่งขันโอลิมปิก 2016 ที่บราซิล ก่อนที่จะก้าวเข้ามาชกมวยสากลอาชีพและสามารถคว้าแชมป์โลก WBO รุ่นแบนตั้มเวตได้ในการชกมวยสากลไฟท์ที่ 13 และเมื่อเช้าวันพุธที่ผ่านมาเขาได้ขึ้นชกในรายการกลับมาหลังจากที่มวยต้องหยุดไปเพราะโรคระบาดของ ท็อปแรงค์ โดยในไฟท์ดังกล่าวเขาได้เอาชนะน็อค เฟลิกซ์ คาราบอลโล ในยกที่ 6

บ็อบ อารัม ได้เปรียบ ชาเคอร์ สตีเวนสัน กับหนึ่งในนักชกที่ดีที่สุดตลอดกาลที่เคยอยู่ในสังกัดของ ท็อปแรงค์ อย่าง ฟลอย เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ 

ฟลอย เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ นั้นเป็นแชมป์โลกถึง 5 รุ่นนับตั้งแต่รุ่น 130 ปอนด์ ถึง 154 ปอนด์ ก่อนที่จะแขวนนวมไปด้วยสถิติไร้พ่าย ทาง บ็อบ อารัม ก็คิดว่าในปีหน้า ชาเคอร์ สตีเวนสัน จะเปลี่ยนรไปชกในพิกัดที่สูงขึ้น เพื่อคว้าแชมป์โลกเพิ่มขึ้น

"เราเชื่อว่า ชาเคอร์ สตีเวนสัน มีศักยภาพมที่จะซูเปอร์สตาร์ในอนาคต เขาทุ่มเทให้กับการชกมวย และเขายังมีความสามารถพิเศษด้วย เขามาอยู่กับเราตั้งแต่ยังเด็ก เขจะเติบโตขึ้นและมันเริ่มแสดงให้เห็นแล้ว เขาเติบโตเกินกว่ารุ่นของเขาเพราะเขาเริ่มตั้งแต่อายุยังน้อย สตีเวนสัน ชกที่ 130 ปอนด์แล้ว ใครจะรู้ปีหน้าเขาอาจจะก้าวข้าม 130 ปอนด์ ไปชกที่ 135 หรือ 140 ปอนด์" บ็อบ อารัม กล่าว

แม้จะเป็นเพียงการชกในกำหนด 10 ไฟท์แต่ ไฟท์กับ เฟลิกซ์ คาราบอลโล ถือได้ว่าเป็นไฟท์เปิดตัวของ ชาเคอร์ สตีเวนสัน ในพิกัด 130 ปอนด์

การจะพิกัด 130 ปอนด์ นั้นอาจจะเป็นเรื่องที่ดูไม่ยุ่งยาวแต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำๆได้ง่ายๆ ถ้าต้องการเป็ฯเบอร์ 1 ของพิกัด 130 ปอนด์ ชาเคอร์ สตีเวนสัน ต้องการชนะนักชกแค่คนเดียว แต่การที่มันเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเพราะนักชกคนนั้นก็คือ มิเกล เบอร์เชลท์