หลังศึกเดือดระหว่าง คริส ยูแบงก์ จูเนียร์ และ คอนเนอร์ เบนน์ เมื่อวันที่ 27 เมษายน ณ กรุงลอนดอนจบลงด้วยชัยชนะเอกฉันท์ 12 ยกของ ยูแบงก์ ทั้งสองนักชกต่างถูกส่งโรงพยาบาล โดยอยู่เตียงข้างกันเพียงไม่กี่ฟุต แต่แม้จะดูเหมือนมีช่วงเวลาสงบศึกชั่วคราว ยูแบงก์ กลับยืนยันว่า ความรู้สึกต่อตัว เบนน์ ยังไม่เปลี่ยนแปลง
ยูแบงก์ เผยกับ TalkSport ว่า เหตุการณ์ก่อนไฟต์ โดยเฉพาะกรณีที่ เบนน์ ถูกตรวจพบสารกระตุ้น โคลมิฟีน(Clomiphene) ถึงสองครั้งในปี 2022 จนนำไปสู่การยกเลิกไฟต์เดิมเมื่อเดือนตุลาคมปีนั้น ยังคงฝังใจ
แม้ เบนน์ จะเคลียร์คดีผ่านการต่อสู้ทางกฎหมายกับ UKAD และ คณะกรรมการมวยอังกฤษ(BBBoC) และได้รับอนุญาตให้กลับมาชกได้ แต่เขาไม่เคยอธิบายหรือแสดงความรับผิดชอบต่อการตรวจพบสารต้องห้ามดังกล่าว
“เขาถูกจับได้ว่ามีสารกระตุ้นในร่างกาย และไม่เคยยอมรับหรือขอโทษเรื่องนั้น” ยูแบงก์ กล่าว “ในแง่นั้น ผมจะไม่มีวันเคารพเขา ไม่อาจจับมือ ไม่อาจร่วมโต๊ะ เพราะมันส่งสารผิด ๆ ไปยังเยาวชน ว่าคุณโกงได้ กลับมาชกแล้วทุกคนจะลืมหมด – แต่มันไม่ควรเป็นแบบนั้น”
ยูแบงก์ ย้ำว่าหากเบนน์ต้องการได้รับการให้อภัย ต้อง “พูดความจริง” เสียก่อน – ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่เกิดขึ้น
แน่นอนว่า ความขัดแย้งนี้อาจกลายเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีสำหรับ ภาคสอง ที่มีกระแสว่ากำลังจะเกิดขึ้นในเดือนกันยายนนี้ โดยเบนน์เปิดเผยว่า สัญญาการรีแมตช์ได้ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงการลงนามเท่านั้น พร้อมกำหนดวันและสถานที่เบื้องต้นคือ สนามท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ หรือ สนามเวมบลีย์
อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกังวลเรื่องน้ำหนักตัวของ ยูแบงก์ ซึ่งในไฟต์ล่าสุดไม่สามารถทำน้ำหนักได้ตามพิกัดรุ่นมิดเดิลเวต (160 ปอนด์) โดยพลาดไป 0.05 ปอนด์ และต้องเข้าโรงพยาบาล 2 วันหลังการชกจากอาการขาดน้ำอย่างรุนแรง ซึ่งอาจส่งผลต่อความเป็นไปได้ของไฟต์รีแมตช์