โคเซอิ ทานากะ ประกาศแขวนนวม

โคเซอิ ทานากะ นักชกชาวญี่ปุ่นเจ้าของสถิติเป็นนักมวยชายที่คว้าแชมป์โลก 4 รุ่นได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ ประกาศอำลาสังเวียนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ก่อนอายุครบ 30 ปีเพียง 11 วัน

ทานากะเผยผ่านโซเชียลมีเดียว่า

“ผมขอประกาศรีไทร์จากการเป็นนักมวยอาชีพ เหตุผลหลักคืออาการบาดเจ็บเรื้อรังที่ดวงตาทั้งสองข้าง”

เจ้าของสถิติ ชก 22 ไฟท์ ชนะ 20 (น็อค 11) แพ้ 2 เคยคว้าแชมป์โลก WBO มาแล้วถึง 4 รุ่น ได้แก่ มินิมั่มเวต, ไลต์ฟลายเวต, ฟลายเวต และจูเนียร์แบนตัมเวต โดยสามารถทำได้ภายในไฟต์ที่ 21 เร็วกว่าเจ้าของสถิติก่อนหน้าอย่าง ออสการ์ เดอ ลา โฮยา ที่ใช้เวลา 24 ไฟท์

ไฟท์สุดท้ายของ ทานากะ เกิดขึ้นเมื่อ 14 ตุลาคม 2023 ซึ่งเขาแพ้คะแนนแบบไม่เอกฉันท์ให้กับ ฟูเมเลเล คาฟู นักชกจากแอฟริกาใต้ ในขณะที่ดวงตาของเขามีปัญหาอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนขึ้นชก

“ผมมองไม่เห็นด้วยตาขวาตั้งแต่ต้นไฟต์ และแสงทั้งหมดหายไปในยกที่สาม หลังไฟต์ผมเข้ารับการผ่าตัดตาทั้งสองข้าง ซึ่งตอนนี้แม้สายตาดีขึ้น แต่ตาขวายังมัวและไม่สามารถโฟกัสได้ตามปกติ”

ก่อนหน้านี้ ทานากะ เคยเข้ารับการผ่าตัดหมอนรองกระดูกคอในปี 2021 และเข้ารักษาดวงตาหลายครั้ง ส่งผลต่อการฝึกซ้อมและแรงจูงใจในการชก

ตลอดอาชีพ 11 ปี ทานากะ เริ่มต้นอย่างรวดเร็ว คว้าแชมป์โลก WBO รุ่นมินิมั่มเวตในไฟต์ที่ 5 ก่อนจะไล่เก็บแชมป์รุ่นอื่น ๆ จนครบ 4 รุ่น หนึ่งในไฟต์ระดับตำนานของเขาคือการชนะ โช คิมูระ ในปี 2018 ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นไฟต์แห่งปี

แม้จะเคยพลาดการสร้างสถิติเร็วที่สุดจากการพ่ายน็อก คาซูโตะ อิโอกะ ในปี 2020 แต่ ทานากะ กลับมาเอาชนะได้อีก 5 ไฟต์ รวมถึงคว้าแชมป์รุ่นที่ 4 จาก คริสเตียน บาคาเซกัว เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2023

อย่างไรก็ตาม อาการบาดเจ็บที่สะสม ทำให้ช่วงหลังเขาชกน้อยลง และสุดท้ายต้องตัดสินใจยุติเส้นทางบนเวทีผ้าใบ

“ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ผ่าตัดทั้งคอและตา ผมไม่สามารถซ้อมหรือลงนวมได้อีกต่อไป ไฟต์สุดท้ายอาจเป็นพรที่ปลอมตัวมา เพราะมันทำให้ผมเลือกทางเดินที่ดีที่สุดเพื่อสุขภาพและชีวิตในอนาคต”

ทานากะ ปิดฉากในฐานะหนึ่งในนักชกญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จสูงสุด ร่วมกับ คาซูโตะ อิโอกะ และ นาโอยะ อิโนอุเอะ ซึ่งล้วนคว้าแชมป์โลก 4 รุ่นขึ้นไปได้สำเร็จ

“ผมอยากเป็นคนที่เท่ผ่านมวย ผมมาไกลถึงจุดนี้เพราะเชื่อแบบนั้น…ไม่รู้ว่าผมเท่พอหรือยัง แต่ผมอยากใช้ชีวิตที่ดีที่สุดจากนี้ไป ขอบคุณทุกกำลังใจที่มอบให้ผมตลอดเส้นทาง” ทานากะ ทิ้งท้าย.