จอช เคลลี่ มั่นใจเข้าช่วงพีคของอาชีพ

 

จอช เคลลี่ นักชกชาวอังกฤษวัย 31 ปี อดีตนักชกโอลิมปิกจาก ริโอ เดอ จาเนโร ปี 2016 ประกาศชัดว่าเขาพร้อมลุยศึกไฟต์ใหญ่กับนักชกระดับแถวหน้าในพิกัด 154 ปอนด์ หรือแม้กระทั่งขยับขึ้นรุ่นมิดเดิลเวต หากมีโอกาส

เจ้าของสถิติชก 18 ไฟต์ ชนะ 16 แพ้ 1 เสมอ 1เตรียมขึ้นสังเวียนพบ ฟลาวิอุส เบีย นักชกชาวโรมาเนีย วัย 35 ปี ในคืนวันศุกร์นี้ที่เมืองนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ

แม้จะยอมรับว่าไม่รู้จักคู่ชกมาก่อน แต่เป้าหมายของเคลลี่ชัดเจนว่า ต้องการสร้างชื่อเพื่อให้ได้ไฟต์ที่ใหญ่ขึ้น โดยกล่าวว่า:

“ผมอยากได้ไฟต์แบบที่คนพูดถึง ไฟต์ที่แฟนๆ ตื่นเต้น ไฟต์ที่ผมเองก็ตื่นตัว เช่น [คอเนอร์]เบนน์ หรือ [คริส]ยูแบงค์ ก็เจ๋งดี”

เขามองว่า เบนน์ น่าจะเป็นคู่ชกที่อันตรายกว่า เพราะ ยูแบงค์ เริ่มโรยแรงและต้องลดน้ำหนักอย่างหนัก

เคลลี่ ยังเผยว่าเคยมีการพูดคุยเรื่องไฟต์กับ เดนเซล เบนท์ลีย์ ในรุ่นมิดเดิลเวต เนื่องจากอันดับของทั้งคู่กับ WBO ใกล้เคียงกัน

“ผมสามารถขึ้นไป 160 ได้ ผมขึ้นชกรุ่นนั้นมาแล้ว ถึงจะไม่ใช่คู่ชกจริงๆ ในพิกัดก็เถอะ พวกนั้นจะใหญ่กว่า แกร่งกว่า แต่ผมมั่นใจว่าเซอร์ไพรส์ได้แน่”

อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่า 154 ปอนด์คือรุ่นที่เขาจะเปล่งประกายมากที่สุด โดยเล็งไปที่ชื่อชั้นนำของรุ่น ไม่ว่าจะเป็น เซบาสเตียน ฟุนดอรา, ทิม ซู, เคธ เทอร์แมน, แบคห์ราม เมอร์ตาซาลีฟ และ เวอร์จิล ออร์ติซ จูเนียร์ ซึ่งรายหลังสุด เคลลี่ยอมรับว่าเป็นนักชกที่เขาชื่นชมมากที่สุด

“เวอร์จิล เป็นนักชกที่ดุเดือด มือไว แรง เจอกับเขาต้องตั้งใจชกสุดๆ ถ้าผมได้เจอ ผมจะต้องเคลื่อนที่ตลอด ทำให้เขาหาไม่เจอ และโต้กลับให้มากที่สุด”

เคลลี่ บอกว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เขารู้สึกว่าร่างกายฟิตสมบูรณ์ที่สุดในชีวิตการชก

“ผมยังไม่พอใจกับสิ่งที่ทำได้ ผมรู้สึกว่ายังเด็กในวงการ ยังไม่ผ่านศึกหนักมากนัก ผมยังเร็ว ยังแข็งแรง นี่คือช่วงเวลาพีคของผม และมันจะอยู่ไม่นาน ผมต้องรีบคว้าไฟต์ใหญ่ไว้ให้ได้”

ไฟต์ล่าสุดของเขาคือการเอาชนะ อิชมาเอล เดวิส ที่เวมบลีย์ โดยมีปัญหาเรื่องการมองเห็นจากแผลแตกในยกสุดท้าย ทำให้ต้องสู้แบบปลอดภัย แต่ยังคว้าชัยชนะไปได้ด้วยเสียงข้างมาก

“ผมไม่ได้เจ็บอะไร แค่มองไม่เห็น พอหมดไฟต์ผมยังงงเลยว่าทำไมคะแนนออกมาแบบนั้น เพราะผมคุมเกมได้หมด ยกสุดท้ายแค่เล่นปลอดภัย เพราะมันเกิดแผลขึ้นมา”

สำหรับไฟต์กับ เบีย แม้จะไม่ใช่คู่ชกในฝัน แต่เคลลี่ยืนยันว่าไม่มีทางพลาด เพราะเขารู้ว่าความหวังในการเจอไฟต์ใหญ่ต้องเริ่มจากชัยชนะตรงนี้

“ผมจะพลาดไม่ได้ ผมต้องชนะ เพื่อเปิดทางสู่เป้าหมายที่ใหญ่กว่า”