ไจ โอเปเตยา และ มิค ฟรานซิส โปรโมเตอร์ร่วมของเขา ได้เปิดเผยว่า “คาดว่าในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า” จะมีการเริ่มต้นการเจรจาเพื่อจัดศึกชิงแชมป์โลกประเภท ครุยเซอร์เวต ระหว่างนักชกชาวออสเตรเลียกับ กิลเบอร์โต้ รามิเรซ
โอเปเตยา วัย 29 ปี แชมป์โลก IBF และ รามิเรซ วัย 34 ปีจากเม็กซิโก แชมป์โลก WBO และซูเปอร์แชมป์ของ WBA ต่างได้รับการยกย่องว่าเป็นสองยอดนักชกระดับแนวหน้าของรุ่นครุยเซอร์เวตในยุคปัจจุบัน โดยหลังจากที่ รามิเรซ ชนะ ยูเนียล ดอร์ติโกส เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โอเปเตยา ก็ออกมากล่าวทันทีว่าเขาต้องการให้ รามิเรซ ขึ้นชกกับเขาเป็นรายต่อไป
นับตั้งแต่ โอเปเตยา เอาชนะ ไมริส บรีดิส เมื่อปี 2022 เขาก็ถูกมองว่าเป็นนักชกที่เก่งที่สุดในรุ่นนี้ ส่วน รามิเรซ ก็กลายเป็นผู้ท้าชิงอันดับที่หนึ่ง หลังจากคว้าชัยเหนือ คริส บิลแลม-สมิธ ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
แม้ชื่อของ รามิเรซ จะถูกโยงกับการชกโชว์กับ เจค พอล แต่ โอเปเตยา ยืนยันหนักแน่นว่า:
“ผมเคยพูดแล้ว และขอย้ำอีกครั้ง — ผมคือนักชกครุยเซอร์เวตที่เก่งที่สุดบนโลกใบนี้ รามิเรซ ทำผลงานได้ดีในไฟต์ล่าสุดกับ ดอร์ติโกส แต่ถ้าเขาคิดว่าตัวเองเป็นเบอร์หนึ่งจริงๆ มีทางเดียวคือต้องพิสูจน์ในสังเวียน ผมเบื่อข้ออ้างและการเลี่ยงไฟต์เหล่านี้เต็มที”
“ไม่มีแชมป์โลกคนไหนรีบอยากชกกับผมเลย แต่เวลานั้นมาถึงแล้ว — มารวมเข็มขัดกันให้รู้แล้วรู้รอด ผมนับถือในสิ่งที่ รามิเรซ ทำสำเร็จ แต่ผมรู้ว่าผมอยู่ในระดับที่สูงกว่า ผมพิสูจน์ตัวเองมาแล้วกับนักชกระดับโลก ป้องกันตำแหน่งมาแล้ว และพร้อมคว้าเข็มขัดเพิ่มอีกเส้น ถ้า รามิเรซ กล้าพอ ผมจะแสดงให้โลกเห็นว่าใครคือตัวจริง”
หลังจากขึ้นชกในอังกฤษและซาอุฯ มา 4 ไฟต์ติด และชนะทั้งหมด โอเปเตยา ก็กลับมาชกที่บ้านเกิดใน 2 ไฟต์ล่าสุด โดยเอาชนะ เดวิด นีกา ในเดือนมกราคม และ คราวดิโอ สควีโอ ในเดือนมิถุนายน
มิค ฟรานซิส ซึ่งร่วมโปรโมตกับ เอ็ดดี้ เฮิร์น จาก Matchroom กล่าวเพิ่มเติมว่า:
“ถึงเวลาหยุดพูดและลงมือทำ ไจ คือแชมป์ตัวจริงของโลก และเป็นนักชกที่อันตรายที่สุดในรุ่นนี้ เรานับถือในสิ่งที่ รามิเรซ ทำได้ แต่นี่คือไฟต์ที่วงการมวยต้องการจริงๆ”
“ผมเชื่อเต็มร้อยว่า รามิเรซ จะกล้ารับคำท้า แฟนมวยทั่วโลกสมควรได้ดูไฟต์ที่ดีที่สุดของรุ่นนี้เจอกัน”
สุดท้ายในแถลงข่าวของ Tasman Fighters ค่ายของ ฟรานซิส ระบุว่า:
“คาดว่าจะมีการเริ่มเจรจาในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยทีมของ โอเปเตยา ยืนยันหนักแน่นว่า นี่คือไฟต์ที่น่าดูที่สุดของรุ่นครุยเซอร์เวตอย่างไม่มีข้อกังขา”