แอนโทนี่ ครอลล่า อดีตแชมป์โลกรุ่นไลต์เวต และปัจจุบันเป็นเทรนเนอร์ดาวรุ่งของอังกฤษ ได้ออกมาแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ของวงการมวยสหราชอาณาจักร ที่เจ้าตัวมองว่ากำลังอยู่ใน “ภาวะวิกฤติครั้งใหญ่”
ครอลล่า ซึ่งแขวนนวมไปในปี 2019 ด้วยสถิติ 35-7-3(ชนะน็อก 13 ครั้ง) ย้อนถึงช่วงที่ตนยังชกอยู่ วงการมวยอังกฤษถือว่ารุ่งเรืองมาก มีแชมป์โลกหลายคน และแทบทุกสัปดาห์จะมีรายการใหญ่ให้ติดตาม ซึ่งแตกต่างจากปัจจุบันอย่างชัดเจน
เขามองว่ามีหลายปัจจัยที่ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไป ทั้งช่วงเวลาที่นักชกชั้นนำรุ่นเดียวกันทยอยแจ้งเกิดพร้อมกัน รวมถึงผลกระทบจากโควิด-19 ที่ทิ้งร่องรอยไว้ แต่สิ่งสำคัญอีกประการคือ อิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของ ตุรกิ อัล-ชีค และ General Entertainment Authority ของซาอุดีอาระเบีย ที่จัดศึกใหญ่ยักษ์ต่อเนื่องจนทำให้โปรโมเตอร์รายใหญ่ต้องเก็บนักชกตัวท็อปไว้สำหรับรายการเหล่านั้น ส่งผลให้จำนวนและคุณภาพของรายการใหญ่ในอังกฤษลดลง
“ในศึกที่ซาอุฯ คุณจะได้ดูไฟต์ยักษ์ถึงห้าไฟต์ ซึ่งแต่ละไฟต์จริง ๆ แล้วสามารถเป็นคู่เอกของห้ารายการแยกกันได้” ครอลล่า กล่าวกับ One On One
“ปัจจุบันนักชกที่อยู่กับโปรโมเตอร์รายใหญ่สี่เจ้าของอังกฤษ กลับไม่มีคิวขึ้นชกมากเหมือนเดิม เพราะไม่มีวันจัดเพียงพอ จึงต้องปล่อยให้ดาวรุ่งบางคนไปชกเวทีเล็ก ซึ่งแม้จะทำให้พวกเขาได้ประสบการณ์ แต่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นเช่นนั้น เพราะทุกคนจะได้ชกตามกำหนดของตนอยู่แล้ว”
ครอลล่า เปรียบเทียบกับสถานการณ์ในอเมริกา และชี้ให้เห็นถึงรายการวันที่ 22 พฤศจิกายน ที่กรุงริยาดห์ ซาอุฯ ซึ่งมีคู่มวยระดับโลกหลายคู่ เช่น เดวิด เบนาบิเดซ พบ แอนโทนี่ ยาร์ด, ไบรอัน นอร์แมน จูเนียร์ พบ เดวิน ฮานีย์, อับดุลลาห์ เมสัน พบ แซม โน้คส์ และ อาเธอร์ เบเตอร์บิเยฟ พบ เดียน นิโคลสัน ซึ่งแต่ละคู่ต่างก็ดีพอจะเป็นคู่เอกเดี่ยว ๆ ได้
แม้จะเป็นการ์ดที่น่าตื่นตาตื่นใจ แต่ ครอลล่า มองว่า ปัญหาคือ “นักชกระดับโลกมีไม่มากพอที่จะทำให้แฟนๆ ได้ดูไฟต์ใหญ่ต่อเนื่องทุกสัปดาห์ หากพวกเขาทั้งหมดไปกระจุกอยู่ที่ไม่กี่งานใหญ่”
“สำหรับผม มวยอังกฤษตอนนี้กำลังอยู่ในวิกฤติใหญ่จริง ๆ” ครอลล่า กล่าว “วงการเวทีเล็กถูกทำลายไปแทบหมดแล้ว และจำนวนศึกใหญ่ในอังกฤษก็ลดลงครึ่งหนึ่ง หรืออาจน้อยกว่านั้นด้วยซ้ำ แต่ก่อนเรามีศึกใหญ่หลายครั้งต่อเดือนบนแพลตฟอร์มหลัก ตอนนี้ผมรู้สึกกังวลมาก”