เอมันตัส สตานิโอนิส นักชกรุ่นเวลเตอร์เวตชาวลิทัวเนีย ยอมรับว่าเขากำลังพยายาม “เคลียร์หัว” หลังผ่านช่วงเวลาที่ขาดแรงจูงใจ แม้จะกลับมาชกและคว้าชัยชนะในบ้านเกิดได้สำเร็จ
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา สตานิโอนิส ได้ขึ้นชกที่เมืองคอนาสบ้านเกิดของเขาเป็นครั้งแรก และเอาชนะ จาบูลานี มาเค็นเซ่ จากแอฟริกาใต้ด้วยมติคะแนนเอกฉันท์ การชกครั้งนี้เป็นการคืนสังเวียนครั้งแรกหลังจากพ่ายแพ้และเสียแชมป์โลก WBA รุ่นเวลเตอร์เวตให้กับ จารอน “บู๊ทส์” เอนนิส เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
แม้คว้าชัยได้ แต่เจ้าตัวกลับเผยว่าเขาลงสังเวียนเหมือนมี “หินพันก้อนแบกอยู่บนหลัง” ความรู้สึกที่อาชีพเริ่มหยุดชะงักทำให้แรงปรารถนาในการชกลดลง
ก่อนจะแพ้ เอ็นนิส เขาถูกยกย่องว่าเป็นนักชกรุ่นเวลเตอร์เวตที่ดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก แต่หลังจาก เอ็นนิส ขยับขึ้นสู่รุ่นจูเนียร์มิดเดิลเวตและเตรียมชกต่อ สตานิโอนิส ก็รีบกลับคืนเวทีในบ้านเกิด แม้จะสารภาพว่าแรงจูงใจของเขายังไม่เต็มร้อย
สตานิโอนิส กล่าวอย่างตรงไปตรงมา:
“ผมไม่รู้เหมือนกันว่าจะชกอีกเมื่อไหร่ ตอนนี้อยากพักสักหน่อย แม้ก่อนชกกับ เอ็นนิส ก็ยังถามตัวเองว่า ‘อยากชกต่อไหม? หรือไม่อยาก?’ เรื่องนี้วนเวียนอยู่ในหัว รอชกตั้ง 2 ปี กว่าจะได้ไฟต์หนึ่ง จากนั้นรออีกเกือบปีเพื่อเจอกับ เอ็นนิส – สามปีมีแค่สองไฟต์ มันไม่ปกติ ถ้าอยากอยู่บนท็อปต้องได้ชกบ่อยกว่านี้”
เขายังยอมรับว่า ที่ผ่านมาเขาฝึกซ้อมโดยไม่มีแรงบันดาลใจ
“ตลอดหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา ผมซ้อมด้วยวินัยล้วน ๆ แรงจูงใจเป็นศูนย์ ผมเศร้า เครียด ตลอดเวลา จนเหมือนหมดไฟ หลังไฟต์ล่าสุดรู้สึกเหมือนปลดหินพันก้อนจากหลัง”
แม้จะได้ชัยชนะต่อหน้าแฟน ๆ ในบ้านเกิด รวมถึงครอบครัวที่มาชมถึงขอบเวที แต่เจ้าตัวก็ยอมรับว่ายังไม่พอใจกับฟอร์ม และรู้สึกว่าตัวเองต้องพัฒนาอีก
อีกหนึ่งบทบาทที่เปลี่ยนชีวิตของเขาคือการเป็นคุณพ่อ หลังภรรยาคลอดลูกสาวคนแรกก่อนหน้าไฟต์ใหญ่กับ เอ็นนิส
“มันคือพรที่ยิ่งใหญ่ ผมอยากเป็นพ่อที่ดี เป็นสามีที่ดี และเป็นตัวอย่างให้ลูกสาว มันคือแรงผลักดันที่สำคัญที่สุดของผม”
อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ปิดโอกาสในอนาคต แม้จะยอมรับว่าจิตใจยังไม่พร้อมเต็มที่ แต่ สตานิโอนิส ย้ำชัดว่า เขายังรักการชกมวย และแค่ต้องการเวลาเพื่อกลับมาอย่างแข็งแกร่งกว่าเดิม