ไอแซค ลูเซโร่ นักชกรุ่นซูเปอร์เวลเตอร์เวตชาวเม็กซิโกที่ยังไม่เคยแพ้ใคร เตรียมขึ้นชกกับเพื่อนร่วมชาติ โรแบร์โต้ วาเลนซูเอล่า จูเนียร์ ในกำหนด 10 ยก วันที่ 26 ตุลาคมนี้ ที่ เอ็มจีเอ็ม แกรนด์ การ์เดน อารีนา ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา โดยไฟต์นี้จะเปิดรายการ Prime Video Pay-Per-View ซึ่งมีคู่เอกเป็นการชิงแชมป์โลก WBC รุ่น 154 ปอนด์ ระหว่าง เซบาสเตียน ฟุนโดรา กับ คีธ เธอร์แมน
ลูเซโร่ เจ้าของสถิติชก 17 ไฟต์ ชนะทั้ง 17 ไฟต์ ชนะแบบไม่ครบยก 13 ไฟต์ อยู่ในอันดับ 15 ของทำเนียบผู้ท้าชิงแชมป์โลก WBC รุ่นซูเปอร์เวลเธอร์เวต แต่มีโอกาสก้าวขึ้นสู่ทำเนียบผู้ท้าชิงทันที หากสามารถผ่าน วาเลนซูเอล่า ได้สำเร็จ
“เราทั้งคู่มาเพื่อสู้ ผมจะทำให้คนดูหลงรักสไตล์การชกของผม และขยายฐานแฟนมวยให้มากขึ้นในทุกไฟต์ต่อจากนี้” ไอแซค ลูเซโร่ กล่าวระหว่างเก็บตัวซ้อมภายใต้การดูแลของโค้ช บ็อบ ซานโตส ที่ลาสเวกัส
นักชกวัย 27 ปีจากเมืองลาปาซ กำลังมาแรง หลังชนะน็อกคู่แข่งมาแล้ว 6 ไฟต์รวด โดยไฟต์ล่าสุดเขาใช้เวลาเพียง 2 ยกในการน็อก โอมาร์ วาเลนซูเอล่า นักชกไร้พ่าย บนสังเวียน Michelob ULTRA Arena เมื่อวันที่พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการขึ้นชกในสหรัฐฯ ครั้งแรกนับตั้งแต่เปิดตัวอาชีพเมื่อปี 2019
ลูเซโร่ มาจากครอบครัวนักมวย — พ่อของเขา อิไซอัส ลูเซโร่ ซีเนียร์ เคยเป็นนักชกรุ่นไลต์เฮฟวี่เวตในยุค 1990s ส่วนพี่ชาย อิไซอัส ลูเซโร่ จูเนียร์ ก็ยังชกอยู่ในรุ่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม แรงบันดาลใจที่แท้จริงของเขามาจากแม่
“แม่เป็นคนผลักดันให้ผมเล่นกีฬาเพื่อลดน้ำหนัก แล้วก็มาลงเอยที่มวยสากล พ่อเคยเป็นแชมป์ระดับประเทศ ส่วนแม่ก็ยังเป็นกำลังใจสำคัญเสมอ ทุกครั้งที่ผมคิดถึงบ้าน แม่จะคอยเตือนให้โฟกัสและซ้อมหนักต่อไป”
หากเอาชนะไฟต์นี้ได้ ลูเซโร่ อาจก้าวขึ้นสู่กลุ่มผู้ท้าชิงของรุ่น 154 ปอนด์ ซึ่งเต็มไปด้วยยอดนักชกมากฝีมือ เขาได้รับแรงบันดาลใจจากตำนานละตินอย่าง ฮูลิโอ เซซาร์ ชาเวซ, โรแบร์โต ดูรัน, ฮวน มานูเอล มาร์เกซ และ ซาอูล “คาเนโล่” อัลวาเรซ และตั้งเป้าว่าจะก้าวไปอยู่ในรายชื่อนั้นให้ได้ในอนาคต
“การเป็นคนเม็กซิกันสอนให้ผมเชื่อว่า ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ถ้าทำงานหนักพอ ผมภูมิใจในประวัติศาสตร์ของนักมวยเม็กซิกัน และอยากให้ชื่อของผมถูกจารึกไว้ในตำนานนั้นเช่นกัน”
ลูเซโร่ เคยถูกเรียกว่า “เบบี้ คาเนโล่” หลังจากทีมงานของอดีตแชมป์โลกสองรุ่น เดวิน ฮานีย์ ตั้งฉายานี้ให้ระหว่างร่วมซ้อมเมื่อหลายปีก่อน และในวันที่ 26 ตุลาคม เขามีโอกาสพิสูจน์ให้โลกเห็นว่า ฉายานั้นไม่ได้มาเพราะโชคช่วย