แจ็ค แคทเทอรัล ไม่ตั้งความหวังทั้งหมดไว้ที่ เดวิน ฮานีย์ หลังเห็น ฮานีย์ ผงาดคว้าแชมป์โลก WBO รุ่นเวลเตอร์เวต ด้วยการเป็นคนแรกที่เอาชนะ ไบรอัน นอร์แมน จูเนียร์ เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่กรุงริยาดห์ ซาอุดีอาระเบีย
ฮานีย์ วัย 27 ปี คว้าแชมป์โลกรุ่นที่สามในอาชีพ และถูกยกให้เป็นเบอร์หนึ่งของรุ่นเวลเตอร์ทันที ส่วน แคทเทอรัล วัย 32 ปี ซึ่งเพิ่งชนะน็อก เอโคว์ เอซูมัน เมื่อสัปดาห์ก่อน คาดว่าจะถูกดันขึ้นเป็นผู้ท้าชิงอันดับ 1 ของ WBO
อย่างไรก็ตาม แคทเทอรัล ยอมรับว่าเขาไม่อยากฝากชะตาทั้งหมดไว้กับองค์กรหรือแชมป์โลก โดยยกกรณีที่เคยไล่ล่าไฟต์กับ จอช เทย์เลอร์ ในรุ่น 140 ปอนด์แล้วไม่เป็นไปตามหวังเป็นตัวอย่าง
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่แชมป์ WBC มาริโอ บารีออส มีข่าวกับ ไรอัน การ์เซีย ทาง แคทเทอรัล จึงเล็งเป้าหาแชมป์ IBF ลูอิส คร็อกเกอร์ (สังกัดเดียวกัน) รวมถึง โรลันโด “โรลลี” โรเมโร แชมป์ WBA
มีความเป็นไปได้ที่ คอเนอร์ เบนน์ ซึ่งเป็นนักชกร่วมค่ายแมตช์รูม อาจถูกดันให้เจอ ฮานีย์ เช่นกัน โดย แคทเทอรัล ให้สัมภาษณ์กับ BoxingScene ว่า
“ผมต้องคุยเรื่องนี้กับโปรโมเตอร์ ผมไม่คิดว่า ฮานีย์ จะเลือกผมเป็นผู้ท้าชิง ส่วนเขาจะเลือก เบนน์ ไหมก็ขึ้นอยู่กับพวกเขา แต่สำหรับผม ผมจะดันให้เกิดไฟต์นั้น ผมพร้อมลุยกับแชมป์ทุกคน”
เขาระบุว่าเป้าหมายหลักสำหรับปี 2026 คือ ลูอิส คร็อกเกอร์, โรลลี โรเมโร และ เดวิน ฮานีย์ พร้อมคาดหวังว่าจะได้ขึ้นชกในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า เพราะสภาพร่างกายหลังไฟต์กับ เอซูมัน ยังสมบูรณ์
แคทเทอรัล กล่าวชื่นชมฟอร์มของ ฮานีย์
“เขาทำได้ดี มีทำให้ นอร์แมน เจ็บตั้งแต่ต้น แม้ไม่ปิดเกมหลังได้เปรียบ แต่เป็นฟอร์มที่ยอดเยี่ยม ผมประหลาดใจเล็กน้อยเพราะรู้ว่าเขาไม่ใช่หมัดหนัก แต่เขาก็ทำในสิ่งที่ต้องทำ”
เขามองว่าผลแพ้ชนะของไฟต์ ฮานีย์–นอร์แมน ไม่สำคัญสำหรับตน เพราะสิ่งที่ต้องการคือเข็มขัด WBO
“ผมมั่นใจว่าจะถูกดันขึ้นเป็นมือหนึ่ง ผมมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ WBO ถ้า ฮานีย์ มีแผนไปทางอื่น ผมก็ต้องมองหาแชมป์คนอื่นแทน”
สำหรับไฟต์ล่าสุดกับ เอซูมัน นับเป็นการชกครั้งแรกของ แคทเทอรัล ภายใต้โค้ชใหม่ โบซี เอนนิส ทำให้เขาต้องยอมทิ้งลูกอ่อนวัย 8 วันไว้ที่อังกฤษเพื่อไปซ้อมที่ฟิลาเดลเฟีย ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าหนักแต่คุ้มค่า
“มันเป็นการตัดสินใจที่ยาก แต่ผลลัพธ์มันตอบแทนหมด ผมชนะไฟต์ รู้สึกดีมาก และตอนนี้ได้กลับมาอยู่กับครอบครัว ได้อุ้มลูก เปลี่ยนผ้าอ้อม ทำกิจวัตรแบบเดิม มันมีความหมายมาก”