เรย์มอนด์ มูราตัลลา เติบโตมาจากครอบครัวชนชั้นแรงงานที่พ่อแม่ต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวโดยไม่เคยร้องขอความช่วยเหลือใดๆ นั่นทำให้นิสัยความถ่อมตัวและความมุ่งมั่นฝังแน่นอยู่ในตัวเขาเสมอมา และยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อเขาก้าวสู่ตำแหน่งแชมป์โลก IBF รุ่นไลต์เวต พร้อมกำลังเดินหน้าเข้าสู่ไฟต์ป้องกันตำแหน่งครั้งแรกกับคู่ปรับฝีมือจัดอย่าง แอนดี้ ครูซ
เมื่อทราบข่าวว่า วาซิล โลมาเชนโก้ แชมป์โลก 3 รุ่น ประกาศรีไทร์ในวัย 37 ปี และแชมป์โลกถูกส่งต่อให้เขา มูราตัลลา บอกว่าเขาได้รับโทรศัพท์จาก โรเบิร์ต การ์เซีย เทรนเนอร์และผู้จัดการส่วนตัว ตอนนั้นเขาเพียงแค่ใช้เวลาร่วมกับครอบครัว และฉลองด้วยการไปกินพิซซ่าอย่างเรียบง่าย
เพื่อนร่วมยิมของเขาแทบไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ด้วยซ้ำ
“ผมไม่ต้องการงานปาร์ตี้หรือการเฉลิมฉลองอะไรทั้งนั้น ผมโอเคแบบนี้แหละ” มูราตัลลา กล่าว
ทัศนคติเช่นเดิมถูกแสดงให้เห็นอีกครั้ง เมื่อเขาต้องป้องกันแชมป์ครั้งแรกกับคู่ชกฝีมือดีอย่าง แอนดี้ ครูซ เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก 2021 และผู้ท้าชิงอันดับต้นๆ ที่ยังไม่เคยแพ้ใคร
แม้หลายคนมองว่านี่คือความท้าทายหนักตั้งแต่ไฟต์แรกของการเป็นแชมป์ แต่ มูราตัลลา กลับตื่นเต้นและพร้อมรับมือ
“ผมอยากได้ไฟต์ใหญ่แบบนี้มาตลอด ผมรอคอยช่วงเวลาแบบนี้ ผมแทบรอไม่ไหวแล้ว” เขากล่าว
ครูซ วัย 30 ปี มีสถิติ 6-0 (3 KO) กำลังทำผลงานได้ร้อนแรง โดยเฉพาะชัยชนะเหนือ โอมาร์ ซัลซิโด และ ฮิโรโนริ มิชิโระ ในปีนี้ และยังได้รับความสนใจจากยอดนักชกอย่าง คีชอว์น เดวิส และ ชาเคอร์ สตีเวนสัน ที่ตรงเข้ามาทักหลังไฟต์
แต่ มูราตัลลา ไม่สนใจกระแสใด ๆ
“ผมไม่แคร์ว่าเขาเป็นใคร หรือผ่านอะไรมาบ้าง พอขึ้นเวที ผมจะทำงานของผม ผมพร้อมเต็มที่” เขายืนยัน
ทัศนคติที่ไม่หวั่นไหวนี้มาจากพื้นเพครอบครัวของเขา พ่อเป็นช่างแอร์ แม่เป็นเจ้าหน้าที่คุมประพฤติ ทำให้เขาเชื่อมั่นว่าการตื่นขึ้นมาทำงานหนักทุกวันคือสิ่งที่สร้างความสำเร็จ
“ผมรู้ว่าตัวเองผ่านอะไรมาบ้าง ทั้งประสบการณ์และการฝึกฝน ความคิดคือปัจจัยสำคัญที่สุด” เขากล่าว
แม้ยอมรับว่า ครูซ เป็นนักมวยที่มีสไตล์ดี แต่เขายืนยันว่าพอชกจริง ทุกอย่างเกี่ยวกับคู่แข่งจะ “หายไปจากหน้าตา” เพราะเขามีเป้าหมายเดียวคือชัยชนะ
มูราตัลลา ยังตั้งเป้าส่งสัญญาณยุคใหม่ของรุ่นไลต์เวต ด้วยการป้องกันแชมป์สำเร็จในวันที่ 24 มกราคมที่ลาสเวกัส ก่อนเดินหน้าไล่ล่าเข็มขัดเส้นอื่น รวมถึงลุ้นทำผลงานระดับ “นักมวยแห่งปี” ในปี 2026
“นี่คือสิ่งสำคัญสำหรับผม ผมจริงจังกับมันมาก และมันทำให้ผมแตกต่างบนเวที” เขากล่าว
สุดท้ายเรื่องเสียงเชียร์หรือการเอาใจ ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเลย
“ผมไม่สนหรอก” มูราตัลลา ทิ้งท้าย
“ผมมาถึงจุดนี้แล้ว จะถอยคงเป็นไปไม่ได้”