แม้ต้องใช้โอกาสถึงสี่ครั้งกว่าจะคว้าแชมป์โลกได้สำเร็จ แต่ จอร์จ โกรฟส์ ก็ยังจำช่วงเวลาขมขื่นได้ดีพอๆ กับช่วงเวลาแห่งความสำเร็จบนสังเวียน
โกรฟส์ เคยพ่ายต่อ คาร์ล ฟอร์ซ ถึงสองครั้ง ตามด้วยความพ่ายแพ้คะแนนแบบไม่เป็นเอกฉันท์ต่อ บาดู แจ็ก ก่อนจะกลับมาคว้าตำแหน่งแชมป์โลก WBC รุ่นซูเปอร์มิดเดิลเวต ด้วยการชนะ เฟดอร์ ชูดินอฟ ถือเป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยบททดสอบกว่าจะไปถึงจุดสูงสุดที่เขาฝันไว้
นอกจากนี้ เขายังมีไฟต์ใหญ่กับนักมวยดังอย่าง คริส ยูแบงค์ จูเนียร์, เจมส์ เดอเกล และ มาร์ติน เมอร์เรย์ แม้การชกครั้งสุดท้ายจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ต่อ คอลลัม สมิธ จากอาการบาดเจ็บ แต่ภารกิจชีวิตบนสังเวียนถือว่าเสร็จสมบูรณ์แล้ว
อดีตแชมป์โลกวัย 37 ปี ปิดฉากอาชีพด้วยสถิติชนะ 28 ครั้ง(น็อก 20) แพ้ 4 ครั้ง โดยไฟต์สุดท้ายในซาอุดีอาระเบียยังถือเป็นหนึ่งในไฟต์สำคัญที่ช่วยเปิดกระแสนักชกระดับโลกไปสู่ตะวันออกกลาง
ปัจจุบัน โกรฟส์ รับบทเทรนเนอร์และผู้จัดการให้กับลูกศิษย์ดาวรุ่งรุ่นครุยเซอร์เวต ลูคัส โรห์ริก และยังทำหน้าที่ผู้วิเคราะห์มวยให้สื่อหลายสำนัก แต่เขายังคงไม่ลืมช่วงเวลาสดใสในสมัยสมัครเล่น รวมถึงความทรงจำครั้งยิ่งใหญ่ที่เวมบลีย์ สเตเดียม กับศึกรีแมตช์ คาร์ล ฟอร์ช ที่มีผู้ชม 80,000 คน
โกรฟส์ เล่าย้อนว่า จุดเริ่มต้นอาชีพเต็มไปด้วยทั้งความตื่นเต้นและความท้าทาย ตั้งแต่มี เดวิด เฮย์ เป็นพี่เลี้ยง ทำงานร่วมกับ อดัม บูธ รวมถึงกระแสไฟต์เดือดกับ ฟอร์ซ ที่สร้างสีสันอย่างมากในวงการมวยอังกฤษ
ตลอดเส้นทาง 10 ปี โกรฟส์ แบกทั้งความกดดัน ความเหนื่อยล้า และอาการบาดเจ็บ โดยเฉพาะช่วงที่ไหล่หลุดในการชกกับ ยูแบงค์ ขณะครอบครัวต้องรับมือกับการมีลูกเล็กและภาระหลายอย่างจนชีวิตเหนื่อยล้าถึงขีดสุด
เขายอมรับว่าเริ่มหมดไฟ และวางแผนรีไทร์ตั้งแต่อายุ 30 ปี แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง เขาก็บอกทีมงานว่า “ผมพอแล้ว” และไม่เคยคิดจะหวนคืนสังเวียนอีก
“ผมแฮปปี้กับสิ่งที่ทำลงไป และพูดตรงๆ คือไม่เคยมีอาการ ‘คันหมัด’ อยากกลับมาชกจริงๆ เลย” โกรฟส์ กล่าว
แม้มองย้อนกลับไปแล้วรู้ว่ามันอาจจะดีกว่านี้ได้ แต่เขาย้ำว่าอย่าเปรียบเทียบกับความคาดหวังในวัยเด็กจนทำให้ตัวเองเศร้า เพราะเส้นทางที่เขาทำได้ก็ถือว่าไกลเกินพอ
และแม้จะพูดติดตลก แต่ โกรฟส์ ก็จริงจังในบางส่วนเมื่อกล่าวว่า เขามีส่วนเปลี่ยนโฉมหน้ามวยสากลอังกฤษ โดยเฉพาะการนำไฟต์สู่สเตเดียมขนาดใหญ่ พร้อมความสามารถในการขายศึกและสร้างกระแส ด้วยวาทศิลป์และคาแรกเตอร์ที่โดดเด่น
“มันเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ กับ 80,000 คนที่เวมบลีย์ แม้มันไม่เป็นไปอย่างที่ผมหวัง แต่ผมก็ภูมิใจ เพราะผมทำหน้าที่ของผมแล้ว” โกรฟส์ ทิ้งท้าย “ตอนนี้ผมยังรักการทำงานในวงการมวย และหวังว่าจะทำหน้าที่ต่อไปให้ดีที่สุด”