โจ คอร์ดินา ตั้งเป้าหมายยิ่งใหญ่กับเส้นทางใหม่ในพิกัดไลต์เวต และในการประเดิมสังเวียนสหรัฐอเมริกาในเช้าวันอาทิตย์นี้ เป้าหมายของเขามีเพียงอย่างเดียว คือเอาชนะขวัญใจเจ้าถิ่น กาเบรียล ฟลอเรส จูเนียร์
“เรามาที่นี่เพื่อเปิดตัว กระหน่ำใส่ แล้วก็กลับบ้าน” คอร์ดินา ให้สัมภาษณ์กับ BoxingScene
อดีตแชมป์โลก IBF รุ่นซูเปอร์เฟเธอร์เวต 2 สมัยจากเวลส์ เดินทางสู่ไฟต์หาผู้ท้าชิงแชมป์โลก WBO รุ่นไลต์เวต กับ ฟลอเรส ในไฟต์ 12 ยก บนรายการ DAZN ที่จัดขึ้นที่สต็อกตัน อารีนา เมืองสต็อกตัน รัฐแคลิฟอร์เนีย บ้านเกิดของคู่ชก
คู่เอกของรายการเป็นไฟต์รุ่นซูเปอร์มิดเดิลเวตระหว่าง ดิเอโก พาเชโก้ และ เควิน เลเล ซัดโจ
คอร์ดินา เจ้าของสถิติ 18-1(9 KO) ไม่กังวลกับความเป็นเจ้าถิ่นของคู่ต่อสู้ และมองว่านี่คือโอกาสที่จะพาตนเข้าใกล้เส้นทางล่าแชมป์โลกใบใหม่ แม้ชัยชนะครั้งนี้จะไม่ได้ทำให้เขากลายเป็นผู้ท้าชิงตัวบังคับโดยทันที แต่จะช่วยเปิดทางสู่การท้าชิง อับดุลลาห์ เมสัน แชมป์โลก WBO คนปัจจุบัน ที่มีสถิติ 20-0 (17 KO)
หลังเพิ่งอายุครบ 34 ปี เขาระบุว่า ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ทุกก้าวต้องนำไปสู่โอกาสล่าแชมป์โลกเท่านั้น
“ตอนนี้เราใกล้ได้ชิงแชมป์โลกแล้ว นี่คือเส้นทางที่ผมต้องการเดิน” คอร์ดินา กล่าว “ถ้าไฟต์ไหนพาผมออกนอกเส้นทางล่าแชมป์ ผมไม่สนใจ ขอแค่ทุกไฟต์พาผมเข้าใกล้เข็มขัด ผมก็พอใจ”
ไฟต์นี้เป็นการชกในพิกัดไลต์เวตครั้งที่สองติดต่อกัน นับจากกลับมาสู่รุ่นนี้เมื่อต้นปี 2025 ก่อนหน้านี้เขาลงชก 9 จาก 10 ไฟต์แรกของอาชีพในรุ่น 135 ปอนด์ ก่อนลดไปซูเปอร์เฟเธอร์เวตและคว้าแชมป์ IBF ได้สองสมัย
เขาเคยเสียตำแหน่งแรกเพราะกระดูกมือหักและต้องพักยาว ก่อนกลับมาคว้าเข็มขัดคืนจาก ชัฟกัตจอน ราฮิมอฟ ในเดือนเมษายน 2023 ที่คาร์ดิฟฟ์ แต่ป้องกันได้เพียงครั้งเดียว ก่อนแพ้ทีเคโอยก 8 ต่อ แอนโธนี คาคาเช ในเดือนพฤษภาคม 2024 ที่ซาอุดีอาระเบีย
คอร์ดินา ยอมรับว่าก่อนแพ้ไฟต์นั้น เขารู้ตัวแล้วว่าร่างกายแทบไม่ไหวในพิกัด 130 ปอนด์ เขาจึงตั้งใจขึ้นมาท้าชิง ชาเคอร์ สตีเวนสัน แชมป์ WBC รุ่นไลต์เวต ทันที แต่ไฟต์ถูกยกเลิกเพราะ สตีเวนสัน บาดเจ็บ ส่งผลให้เขาว่างเว้นจากสังเวียนไปเป็นปี และต้องหาโปรโมเตอร์ใหม่หลังหมดสัญญากับ Matchroom
จนในที่สุดเขากลับมาร่วมงานกับ Matchroom อีกครั้ง และประเดิมการคัมแบ็กไลต์เวตด้วยชัยชนะเหนือ จาเร็ต กอนซาเลซ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ที่แมนเชสเตอร์
“สามไฟต์ก่อน เราต้องการขยับรุ่นขึ้น แต่ผมไม่ทำ แล้วเราก็ต้องจ่ายราคา วันนี้เราอยู่ถูกที่แล้ว และพร้อมทำศึกใหญ่ ผมอยากให้รุ่นนี้กลับมาเป็นที่ที่ยอดมวยสู้กันจริง ๆ สิ่งนี้ไม่เกิดขึ้นมานาน” เขากล่าว
ฟลอเรส คู่ชกในสุดสัปดาห์นี้ มีสถิติ 25-2(8 KO) และชนะมา 6 ไฟต์รวด
คอร์ดินา มองว่ารุ่นไลต์เวตกำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญ โดยกล่าวถึง สตีเวนสัน ที่ขยับไป 140 ปอนด์ รวมถึงอนาคตที่ไม่แน่นอนของ เจอร์วอนตา เดวิส แชมป์ WBA
“เข็มขัดใหญ่สองเส้นติดอยู่กับนักชกระดับท็อปที่อนาคตไม่ชัดเจน ทำให้ทุกคนต้องแย่งกันล่าแค่เส้นเดียว แบบนั้นวงการมันช้า เราต้องเปลี่ยน และผมเชื่อว่ารุ่นนี้กำลังจะเปิดกว้างขึ้น ผมต้องเป็นผู้นำของมัน” คอร์ดินา กล่าว
หลังไฟต์นี้ เป้าหมายต่อไปคือการเรียกร้องชกกับ เมสัน ซึ่งอยู่ในช่วงป้องกันแชมป์แบบสมัครใจ ในขณะที่อีกเส้นหนึ่งเป็นของ เรย์มอนด์ มูราตัลลา แชมป์ IBF ที่จะป้องกันแชมป์กับผู้ท้าชิงไฟต์บังคับ แอนดี ครูซ ในวันที่ 25 มกราคม โดย ครูซ เองก็เป็นนักชกในสังกัด Matchroom เช่นกัน
คอร์ดินา มองว่านี่คือโอกาสสร้างความคึกคักให้แฟนมวย
“ช่วงที่วงการมันตื่นตัวที่สุด คือช่วงที่นักชกเก่งๆ พร้อมเจอกัน และคุณพิสูจน์ได้ว่าใครคือเบอร์หนึ่งของโลก นั่นคือสิ่งที่วงการมวยขาดหายมานาน”
เขาปิดท้ายว่า
“ผมไม่ได้ต้องการแค่แชมป์โลก แต่ผมต้องการทุกเส้น ต้องการเป็นที่หนึ่ง ตอนนี้ผมกลับมาอยู่ในพิกัดที่เหมาะสมแล้ว จะไม่ให้ใครมาทำเสียเวลา ทุกไฟต์ต้องเป็นไฟต์ใหญ่เท่านั้น”