เจสัน โมโลนีย์ เปิดเผยว่า ก่อนการกลับมาขึ้นสังเวียนไฟต์ล่าสุด เขาเคยกังวลอย่างจริงจังว่า หากไม่สามารถเอาชนะ เฮอร์ลัน โกเมซ ได้ อาชีพนักมวยของเขาอาจต้องปิดฉากลง
ในการชกครั้งแรกบนแผ่นดินบ้านเกิดในรอบกว่าสามปี โมโลนีย์ ขึ้นชกเป็นคู่รองของรายการ ไจ โอเปเตยา พบ ฮูเซยิน ซินคารา ที่โกลด์โคสต์ ประเทศออสเตรเลีย และเป็นฝ่ายเอาชนะ โกเมซ ไปได้ใน 4 ยก
อดีตแชมป์โลก WBO แบนตัมเวต รายนี้ ขึ้นชกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่แพ้ติดต่อกันสองไฟต์ เริ่มจากการเสียเข็มขัดให้กับ โยชิกิ ทาเคอิ และต่อด้วยความพ่ายแพ้ต่อ เทนชิน นาสุกาวะ โดยคู่ชกอย่าง โกเมซ นักมวยวัย 26 ปีจากฟิลิปปินส์ ดูเป็นรองอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม โมโลนีย์ ซึ่งเพิ่งเซ็นสัญญาโปรโมชัน 3 ไฟต์กับ Tasman Fighters ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้เขามองไฟต์นี้ว่าอาจเป็นจุดจบของตัวเอง
“คนมักจะพูดว่า ‘ผมไม่คิดถึงเรื่องนั้นเลย’ แต่ความจริงคือคุณคิด และมันยิ่งเติมเชื้อไฟให้คุณ” โมโลนีย์ วัย 34 ปี กล่าวกับ BoxingScene
“ผมเป็นคนมองความจริง ผมรู้ว่าผมแพ้ไฟต์นี้ไม่ได้ และถ้าผมแพ้ มันอาจจะเป็นจุดจบของผมจริงๆ
“ต่อให้คุณอยากสู้ต่อ อยากไล่ตามความฝันมากแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีใครเชื่อในตัวคุณ โอกาสมันก็ไม่มา”
โมโลนีย์ อธิบายว่า สัญญา 3 ไฟต์ที่เขาได้รับ คือเส้นทางการสร้างตัวใหม่ และเขามองมันราวกับเป็น “บทสุดท้าย” ของอาชีพ
“ถ้าผมผ่านช่วงสร้างตัวนี้ไปไม่ได้ ซึ่งผมคิดว่าถ้าชนะสักสองไฟต์ ก็น่าจะกลับไปมีโอกาสชิงแชมป์โลกได้ค่อนข้างเร็ว ถ้าผมพลาดระหว่างทางกลับสู่จุดสูงสุด นั่นก็คงจบสำหรับผมแล้วจริงๆ มันเพิ่มความกดดันก็จริง แต่ผมเป็นคนมองตามความเป็นจริง ในกีฬานี้ คุณไม่ได้รับโอกาสมากนัก ถ้าคุณทำผลงานไม่ได้”
เขาทิ้งท้ายว่า
“คุณต้องขึ้นไปทำหน้าที่ของตัวเองให้สำเร็จ และจัดการธุระให้เรียบร้อย ผมมีทีมงานที่ยอดเยี่ยมรอบตัว ซึ่งผมเชื่อว่าสามารถพาผมกลับไปสู่จุดสูงสุดได้ แต่ผมเองก็ต้องทำหน้าที่ของผม และหน้าที่นั้นก็คือการชนะไฟต์นี้ให้ได้”